27 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ของ คอนเสิร์ต_เวลคัม_ทู_อิสานเขียว

ในวันที่ผืนฟ้ายามเย็นฉาบฉวยไปด้วยแสงทองของความอบอุ่น ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า เสมือนความแห้งแล้งกำลังจะสูญสลาย เพราะนับตั้งแต่บัดนี้ จะเป็นเวลาของการรวมอุดมการณ์อันแน่วแน่ของผู้คนร่วม 60,000 ชีวิตที่ได้หลั่งไหลกันมารวมตัวกันที่สนามกีฬากองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิตอย่างคับคั่ง ในเวลาที่กำลังจะส่งประกายความชุ่มชื้นแผ่ซ่านไปทั่วผืนแผ่นดินผ่านเสียงเพลงหลากลีลาหลายท่วงทำนองจากเหล่าศิลปินนับสิบชีวิตร่วมกันขับพลังแห่งความสามัคคีให้กึกก้อง ขานรับด้วยเสียงประสานของประชาชนหลายหมื่นคนในสนามกีฬากองทัพบก

“พันเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” หรือ “บิ๊กแอ๊ด” เลขานุการคณะกรรมการจัดงานคอนเสิร์ตเวลคัม ทู อิสานเขียว และประธานคณะอนุกรรมการประสานงานฯ สวมชุดทหารสีเขียวเข้ม ยืนที่ขอบสนามด้านหนึ่ง เพ่งมองผ่านแว่นตาสีชาพร้อมเปรยถึงฝูงชนด้านหน้าว่า “... มันเป็นภาพที่สวยงามที่สุด มีเงินมหาศาลก็ซื้อมวลชนอย่างวันนี้ไม่ได้ ...”

จวนจะเปิดม่านแล้วทุกขณะ ผู้คนก็ต่างหลั่งไหลเข้ามากันอย่างไม่ขาดสาย ผ่านการตรวจตราอาวุธและบางอย่างที่คล้ายจะใช้ทดแทนได้ เช่นเขาควาย ขวดกระบอง และอื่นๆ ถูกขอร้องให้เก็บฝากเอาไว้ก่อน “เราอยากให้ทุกคนมาสนุก จึงจำเป็นที่จะต้องขอเก็บอาวุธและสิ่งที่จะใช้เป็นอาวุธได้ ในที่ที่เรารับฝาก ... เราใช้กองกำลังที่เตรียมรับสถานการณ์ป้องกันความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น โดยมีทั้งสารวัตรทหาร ตำรวจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และกองปราบปรามจำนวน 500 นาย และยังมีกองกำลังที่ตั้งมั่นอยู่ที่ตั้งจำนวนหนึ่ง ซึ่งพร้อมจะรับคำสั่งให้มาปฏิบัติการได้ทันที เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้น” - พันเอกบิ๊กแอ๊ดกล่าวถึงมาตรการความปลอดภัยที่ได้เตรียมไว้สำหรับงานครั้งนี้

เมื่อถึงเวลาบ่าย 3 โมงครึ่ง ช่วงเวลาแห่งความสนุกก็ได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยการแสดงจากวง “คำภีร์” วงดนตรีเพลงเพื่อชีวิตหน้าใหม่จากอัลบั้ม “... ถึงเพื่อน” ที่นำโดย “พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” ออกมาเปิดรายการด้วยเพลง “ลูกอีสาน” บทเพลงที่มีท่วงทำนองแบบจังหวะเร้กเก้ ที่สามารถเปลี่ยนภาพของฝูงชนในสนามกีฬากองทัพบกไปได้ในทันที ด้วยการลุกฮือขึ้นอย่างพร้อมเพรียงเมื่อเสียงเพลงแรกดังขึ้น บ้างก็ดีดดิ้นกันเป็นกลุ่มใหญ่ บ้างก็โชว์ลีลาอย่างท้าทายเพียงลำพัง เปรียบเสมือนกับดิสโก้เธคกลางแจ้ง

เมื่อคำภีร์บรรเลงบทเพลงของตนไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้ต่อเนื่องด้วยการแสดงจากวง “กะท้อน” ที่ขึ้นมาเปิดการแสดงด้วยเพลงเอกของตนเอง อย่าง “สาวรำวง” โดยมีสาวอ้อยแผดเสียงขึ้นพร้อมมนต์ขลังที่ชักพาฝูงชนร่ายรำใต้แสงตะวันที่อบอุ่น มีชูกำปั้นยกขึ้นมาตามจังหวะ ซึ่งกะท้อนนำเสนอความมันส์ให้แก่แฟนเพลงอย่างสนุกสนานด้วยบทเพลงจากผลงานชุดใหม่ “ลูกสาวชาวนา” ไม่ว่าจะเป็น “เอ็กซเรย์” , “บุญแข่งเรือ” และ “อ้ายจอห์นสัน” ซึ่งเป็นบทเพลงสุดท้าย ที่ทิ้งอารมณ์ที่ร้อนแรงคั่งค้างไว้ระยะหนึ่ง หลังเจ้าหน้าที่จัดการเคลียร์เวทีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ทุกคนต่างรอคอย กับการแสดงของศิลปินหลักอย่าง “คาราบาว” ที่สมาชิกแต่ละคนค่อยๆ ก้าวขึ้นมาจับเครื่องดนตรีตามตำแหน่งของตน พร้อมด้วยเสียงต้อนรับจากแฟนเพลงอย่างเนืองแน่น

เมื่อยืนยง โอภากุล เดินขึ้นมากึ่งกลางเวที ด้วยเสียงคอร์ดสะบัดพลิ้ว ในบทเพลง “ด่านเกวียน” ที่มี “เขียว - กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร” เป็นผู้ขับร้อง พร้อมด้วยเพลงในอดีตอย่าง “เมากีตาร์” , “เฒ่าทะเล” และเพลงใหม่ “คนหนังเหนียว” ตามลำดับกันมาอย่างไม่ขาดสาย

เมื่อพวกเขาบรรเลงมนต์เพลงคาราบาวไปได้ชุดหนึ่ง ก็ได้ส่งไม้ต่อให้กับ “สุเทพ ถวิลย์วัฒนกุล” จากวง “โฮป” มาร่วมแจมกับวงคาราบาวในเพลง “ลุงขี้เมา” บทเพลงที่เขาเคยบันทึกเสียงแมนโดลินลงในเพลงนี้ให้กับวงคาราบาว เมื่อปี พ.ศ. 2524 พร้อมทั้งบทเพลง “จากใจ” และ “หนุ่มสุพรรณ” จากนั้นก็ต่อเนื่องด้วยการแสดงจาก “สีเผือก คนด่านเกวียน” ในบทเพลง “สวรรค์บ้านนา” , “วณิพก” และ “เด็กปั๊ม” บทเพลงเอกของเขา ที่ยืนยงได้ขอร่วมร้องในเพลงนี้ด้วย แล้ว “พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ” ก็ขึ้นมารับช่วงต่ออีกครั้งในบทเพลง “เฉย” , “คนกับหมา” และ “หำเทียม”

จนกระทั่งเวลา 17.30 น. “พล.อ.ชวลิต จงใจยุทธ” ผบ.ทบ. และรักษาการแทน ผบ.สูงสุด ได้เข้ามาถึงที่นั่งประธานมวลชน พร้อมกับการพูดถึงคอนเสิร์ตนี้เป็นพิธีเปิดอย่างสั้นๆ และรวบรัด แต่ได้ใจความถึงศิลปินทุกคนที่ได้มาร่วมงานว่า“งานที่จัดในวันนี้ นับว่าดีอย่างนึกไม่ถึง และไม่เคยดูงานอย่างนี้มาก่อนในชีวิต ซึ่งแต่ละคนที่มาใน งานวันนี้ก็น่ารัก ผมอยากให้ทุกคนที่มาในงานมีความสุข ขอขอบคุณบริษัทโค้กและคุณแอ๊ด คาราบาว ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี” พลเอกชวลิตพูดน้อยกว่าเวลาที่กำหนดให้ แต่สามารถเรียกเสียงปรบมือจากเหล่าคนดูได้ทั้งสนามได้เป็นอย่างดี โดยหลังจากการกล่าวเปิดคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการจากพลเอกชวลิต ก็ได้เริ่มต้นการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ในเวลา 18.30 น. ด้วยการแสดงจาก “หงา คาราวาน” อาจารย์ใหญ่แห่งวงการเพลงเพื่อชีวิต ที่มาพร้อมกับบทเพลง “ดอกไม้ให้คุณ” และ “เมด อิน ไทยแลนด์” ที่ได้สร้างความฉงนให้แก่เหล่าผู้ชม ด้วยการทิ้งตัวลงไปเกลือกกลั้วทั่วพื้นเวทีเมื่อถึงท่อนโซโล่ของเพลง

แล้วก็ถึงคิวของเหล่ามือกีตาร์ชั้นนำ ที่ออกมาวาดลวดลายฝีมือของตัวเองร่วมกับสมาชิกวงคาราบาว ไม่ว่าจะเป็น '“อัสนี โชติกุล” ที่เปิดรายการด้วยเพลง “บังอรเอาแต่นอน” ซึ่งสามารถเรียกเสียงอื้ออึงโห่ร้องได้ดังที่สุด แล้วต่อด้วย “น้ำเอย น้ำใจ” และ “ก็เคยสัญญา” บทเพลงยอดนิยมจากผลงานชุดผักชีโรยหน้าของเขา ที่ได้ชวนยืนยงมาร่วมแจมด้วย ตามด้วย “แหลม มอริสัน” ที่ออกมาร่วมแจมกับป้อม อัสนี ในเพลง “เจ้าตาก” , “ไม่เป็นไร” และ “กิตติ กีตาร์ปืน” ที่ได้ออกมาร่วมแจมกับแหลม มอริสัน ในเพลง “บิ๊กเสี่ยว” บทเพลงที่สอดคล้องกับโครงการอีสานเขียว ซึ่งทั้งคู่แทบจะปลิดวิญญาณของแฟนเพลงชาวเฮฟวี่อย่างลอยล่อง แม้แต่พนักงานโค้กที่กำลังเดินขายอยู่ ก็อดรนทนไม่ไหว ถึงขั้นส่ายตัวโยกย้ายพร้อมกับชูขวดโค้กขนาดจัมโบ้ไปตามจังหวะ อย่างไม่เกรงใจ “คริส สารสิน” (ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (การตลาดโรงงาน) บ.ไทยน้ำทิพย์ ในช่วงเวลานั้น) ที่กำลังนั่งมองอยู่ และปิดท้ายด้วยบทเพลง “บัวลอย” ที่มือกีตาร์ทั้ง 3 ได้ออกมาแจมฝีมือทางกีตาร์ร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

ก่อนที่การแสดงจะหยุดไปพักนึง ด้วยรายการคั่นสาระในคอนเสิร์ต ที่มีสไลด์แสดงภาพความแห้งแล้งของภาคอีสาน และความยากจนของผู้คน แล้วคาราบาวก็กลับมาทิ้งท้ายด้วยบทเพลง “เรฟูจี” ที่ยืนยงถอดหัวใจร้องอย่างสุดชีวิต เพื่อตอกย้ำความสามัคคีของคนในชาติ แล้วตามมาด้วยเพลงดังของวงคาราบาว ทั้งเก่าและใหม่ อย่าง “ซาอุดรฯ” , “เวลคัม ทู ไทยแลนด์” , “บาปบริสุทธิ์” และ “สบายกว่า” พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ผู้ซึ่งได้รับหน้าที่เป็นโฆษกทุกงาน ก็ได้ออกมารับหน้าที่เป็นโฆษกถึงสองหน โดยหนนี้ได้ออกมาประกาศหาเจ้าของกระเป๋าตังค์ 2 คน ที่กระเป๋าทั้งสองไม่มีตังค์ติดอยู่เลย หากแต่มีใบนึงมีตั๋วจำนำอยู่ด้วย ซึ่งก็เรียกเสียงฮาอย่างขมๆ จากแฟนเพลงหัวอกเดียวกันได้เป็นอย่างดี

จากนั้นศิลปินหลักทั้งหมดของงานนี้ก็ได้ออกมาร่วมกันร้องเพลง เดือนเพ็ญ บทเพลงเพื่อชีวิตระดับตำนานจากผลงานของนายผีผู้ล่วงลับ อัศนี พลจันทร์ ที่เหล่าศิลปินหลายคน ต่างก็เคยนำเพลงนี้มาบันทึกเสียงลงในอัลบั้มของตัวเองมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น หงา คาราวาน ผู้นำเพลงนี้มาบันทึกเสียงครั้งแรก , แอ๊ด คาราบาว เจ้าของเวอร์ชันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด , สีเผือก คนด่านเกวียน รวมถึงป้อม อัสนี ตามลำดับ และปิดท้ายการแสดงด้วยเพลงเอกของงาน อย่าง “ชีวิตสัมพันธ์” จากกลุ่มศิลปินทั้งหมดของงานนี้ ที่สามารถสะกดคนดูหลายหมื่นที่อัดแน่นอยู่ในสนามกีฬากองทัพบกได้อย่างอยู่หมัด

ครั้นพอถึงเวลาจบการแสดง ผู้คนต่างเริ่มทยอยเดินออกจากสนามไป แสงสีบนเวทีก็ค่อยๆ เริ่มดับลง แต่แนวคิดที่บรรจุเอาไว้ในเพลง ‘ชีวิตสัมพันธ์’ ยังคงถูกเก็บใส่กระเป๋าพกติดตัวกลับบ้านไปเป็นของขวัญให้แก่แฟนเพลงจำนวนมาก เพื่อส่งท้ายปี 2530 อีกด้วย

ใกล้เคียง

คอนเสิร์ตไลฟ์เอด คอนเสิร์ตไลฟ์เอิร์ธ คอนเสิร์ต Singing Bird ตอน Lifetime Soundtrack คอนเสิร์ต Singing Bird คอนเสิร์ต คอนเสิร์ตวอยเซสมิวสิกฟรอมไฟนอลแฟนตาซี คอนเสิร์ตไลฟ์เอท คอนเสิร์ต 15 ปี เมด อิน ไทยแลนด์ คอนเสิร์ต เมด อิน ไทยแลนด์ ภาค 2546 สังคายนา คอนเสิร์ตเพื่อช้าง